เมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุเรียกประกันอย่างไร
เชื่อว่าหลายท่านมีรถยนต์ แต่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยนับจากได้รับรถยนต์มาจากศูนย์จำหน่าย ถือว่าเป็นความโชคดี และด้วยความไม่ประมาทในการใช้รถใช้ถนนของท่าน ทำไมผมกล่าวว่าท่านโชคดี เพราะในบางครั้งท่านจะระมัดระวังในการใช้รถอย่างไร หากถึงคราวโชคร้ายอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ เมื่อคู่กรณีประมาท เรามาดูกรณีที่ผมได้ประสบเหตุมาดีกว่าครับ และเราควรดำเนินการอย่างไร เรียกประกันอย่างไร
วันที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาเย็นผมเลิกงานปกติก็จะรีบขับรถไปรับลูกที่โรงเรียน หลังจากรับลูกเรียบร้อยแล้วก็ไปจอดร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อขนมให้ลูกเป็นปกติ ซึ่งหน้าร้านสะดวกซื้อนี้ก็มีรถจอดค่อนข้างเยอะเป็นประจำทุกเย็นอยู่แล้ว โดยทุกคันก็จะขับเข้าไปจอดและหันหน้าเข้าหน้าร้านสะดวกซื้อ และเอาด้านท้ายรถหันออกสู่ถนน
หลังจากทุกคนขึ้นมาบนรถเรียบร้อยแล้วผมก็ค่อยๆ ถอยรถออกมาและกลับรถตั้งลำริมถนน และจอดขนานกับถนนเปิดไฟเลี้ยวขวาเตรียมรอรถที่วิ่งบนถนนว่าง โดยสายตาผมก็มองดูที่กระจกด้านขวา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกระแทกดังด้านข้างซ้ายมือ บริเวณซุ้มล้อหลังด้านซ้าย ผมหันกลับไปดูพบว่ามีรถยนต์ที่จอดหน้าร้านสะดวกซื้อถอยหลังมาชนรถผมเข้าอย่างจัง
ตอนแรกผมก็รู้สึกหงุดหงิดมาก "ทำไมซวยอย่างนี้นะ" ผมรีบเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินทันที และเปิดประตูลงไปเพื่อเจรจากับคู่กรณี ผมรู้สึกโมโหเพราะว่ามันใกล้จะค่ำแล้วเด็กๆ ก็ต้องการจะกลับบ้านแต่ต้องเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ผมถามคู่กรณีด้วยความหัวเสีย "คุณถอยรถยังไงทำไม คุณไม่ดูให้ดีครับ" คำตอบที่ได้คือ "ผมขอโทษครับ ผมไม่ทันระวังจริงๆ ครับ ผมคิดว่ารถพี่ขับออกไปแล้ว" การได้ยินคำว่าขอโทษ ทำให้อารมณ์ของผมรู้สึกดีขึ้น ผมก็เลยบอกให้เขาโทรเรียกประกันรถยนต์ของเขามา
ส่วนผมก็ต้องเรียกประกันรถยนต์ของผมด้วยเช่นกัน ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับศูนย์ประกันภัยรถยนต์นั้นก็มีอยู่ที่กรมธรรมอยู่แล้ว ก็สามารถโทรได้เลยจะมีคนรอรับสาย 24 ชั่วโมง หลังจากเจ้าหน้าทีรับสายเราก็แจ้งไปเลยว่ารถเราเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่เจ้าหน้าที่จะถามต่อคือ ผู้แจ้งคือใคร ชือนามสกุลอะไร หมายเลขทะเบียนรถยนต์ รถยนต์ยี่ห้อ รุ่น และสี ก็บอกเขาไปเพื่อเป็นการยืนยัน และที่สำคัญต้องบอกสถานที่เกิดเหตุว่า เกิดเหตุบริเวณไหน จังหวัดอะไร อำเภออะไร ตำบลอะไร และจุดสังเกตสำคัญตรงไหน พร้อมทั้งหมายเลขเบอร์โทรติดต่อกลับ เช่นกรณีของผมก็ แจ้งไปเลยว่า "เหตุเกิดหน้าร้านสะดวกซื้อ ตำบล อำเภอ จังหวัด" ทางศูนย์ประกันก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่เคลมประกันมายังจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะช้าหรือเร็วนั้น ขึ้นอยู่ว่าสถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้กันกับเจ้าหน้าที่ขนาดไหน เพราะเจ้าหน้าที่เคลมเขาจะมีงานที่ต้องวิ่งเคลมประกันอยู่ทุกที่ หากพื้นที่นั้นมีเจ้าหน้าที่น้อย และกำลังติดเคลมประกันอุบัติเหตุจุดอื่นๆ อยู่ก็จะทำให้ต้องรอนานถึงนานมาก
เมื่อผมโทรแจ้งประกันภัยรถยนต์ของผมเรียบร้อยแล้ว ก็หันไปดูคู่กรณีซึ่งกำลังสาระวนกับการหาเอกสารของตัวเองอยู่ที่ลิ้นชักหน้าคอนโซลรถ หลังจากพบเอกสารแล้ว ปรากฏว่าคู่กรณีผม เงินในโทรศัพท์ไม่มี โทรออกไม่ได้ซะอย่างนั้น ผมก็เลยให้ยืมโทรศัพท์ผมโทรหาประกันภัยรถยนต์ของเขาอย่างด่วนที่สุด
หลังจากต่างคนต่างโทรแจ้งประกันรถยนต์ไว้เรียบร้อยแล้ว ผมก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ก่อนดีที่สุดครับ รูปที่ถ่าย ก็ต้องเป็นภาพมุมกว้างให้เห็นสภาพการเกิดอุบัติเหตุของรถยนต์ทั้ง 2 คัน ว่าอยู่ตำแหน่งอย่างไร ทุกด้านเลยยิ่งดี รูปต่อมาที่สำคัญคือ ป้ายหมายเลขทะเบียนรถคู่กรณี และป้ายหมายเลขทะเบียนรถเราด้วย รูปต่อมาก็เป็นรายละเอียดความเสียหาย รถเราบุบ เป็นรอยถลอก อย่างไร เสียหายอย่างไร ชิ้นส่วนแตกเสียหายขนาดไหนก็ควรถ่ายให้ครบ และต้องชัดเจนที่สุดครับ
ในกรณีของผมนั้น แน่นอนครับว่า คู่กรณีถอยหลังมาชน เขาเป็นฝ่ายผิด และก็ยอมรับผิด เพื่อไม่ให้เป็นการกีดขวางการจราจรหน้าร้านสะดวกซื้อ ก็นำรถเข้าไปจอดในสถานที่เหมาะสม เพื่อรอเจ้าหน้าที่ประกันรถยนต์มาถึง วันนี้ดีหน่อยครับที่เจ้าหน้าที่เคลมประกันกันภัยทั้ง 2 อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุจึงใช้เวลาไม่เกินครึงชั่วโมง ก็มาถึง เพราะที่ผมคนเจอ นานหลายชั่วโมงอย่างเร็วก็ชั่วโมงกว่าๆ
หลังจากเจ้าหน้าที่มาถึง อันดับแรกก็จัดการเขียนใบเคลมประกันรถยนต์ และถ่ายรูปใบขับขี่ของเรา เพื่อออกเอกสารการเคลม โดยการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ ลักษณะการเกิด เพราะรถไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ประสบเหตุอยู่ แต่ก็เปิดดูรูปในโทรศัพท์มือถือที่ผมได้ถ่ายภาพไว้ และเจ้าหน้าที่ก็จะใช้กล้องถ่ายจากโทรศัพท์มือถือไว้เลย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการถ่ายภาพหมายเลขทะเบียนรถทั้ง 2 คัน และจุดที่เกิดความเสียหายกับตัวรถ เราก็ชี้ให้เจ้าหน้าที่ดูเลยครับว่ารถเราเสียหายตรงส่วนไหนบ้าง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการคัดลอกหมายเลขตัวถังรถยนต์ และออกใบเคลมให้เราไปดำเนินการซ่อมกับอู่ซ่อมในเครือประกัน ซึ่งเราก็ต้องสอบถามให้ชัดเจนว่ามีอู่ซ่อมตรงไหนบ้าง และใกล้กับที่เราสะดวกที่สุดคือ อู่ไหน เราก็รับใบเคลมประกันมา เพื่อเอาไว้ยื่นกับอู่ซ่อมรถ
สำหรับรถคู่กรณีนั้น เจ้าหน้าที่ประกันรถยนต์ของเขาก็ดำเนินการเช่นเดียวกันกับรถของเรา และท้ายสุดทางบริษัทประกันเขาก็จะดำเนินการเคลมค่าเสียหายกันเอง เราก็กลับบ้านได้ แต่ที่สำคัญคือ ต้องเสียเวลาเอารถไปซ่อมทำสีก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ผมเซ็งที่สุดคือ เมื่อเอารถไปทิ้งไว้ที่อู่ซ่อม เราก็จะไม่มีรถใช้งาน ก็ต้องวางแผนการนำรถเข้าไปซ่อมที่อู่กันอีกที