ป่าฝน ต้นไม้เขียว เที่ยวอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช

ทริปนี้ผมาจะพาทุกคนไปเที่ยวจังหวัดตาก เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ผมก็อยากพาครอบครัวไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติป่าเขา ตอนแรกตั้งใจจะจังหวัดกาญจนบุรี แต่ดูข่าวช่วงนี้มีน้ำป่าไหลหลากตัดถนนหลักๆ ก็เลยต้องเปลี่ยนทิศใหม่ ไปจังหวัดตาก อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
ทริปจังหวัดตาก
การเดินทางผมออกแต่เช้ามืด เนื่องจากระยะทางไกลต้องขับรถไป 4-5 ชั่วโมง อยากไปถึงก่อนเที่ยง เพราะว่าเป็นฤดูฝน หากไปถึงบ่ายๆ เย็นๆ เกรงว่าฝนจะตกลงมา การการเต็นท์ตอนฝนตกมันเป็นเรื่องลำบากเหมือนกันนะครับ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
ผมก็หาสถานที่แบบว่าไม่ต้องผจญภัยมากนัก นั่นคือ "อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช" การเดินทางสะดวกสะบาย รถยนต์ทุกชนิดสามารถเดินทางเข้าไปได้แบบง่ายๆ และใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
เราตั้งใจจะไปดูต้นกระบากใหญ่ใน อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช เป็นกิจกรรมเดินป่าเพื่อจะได้พาลูกสาวออกกำลังกายบ้าง ชมธรรมชาติป่าฝน ต้นไม้สีเขียวขจี
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
เราเดินทางผ่านสายฝนในระหว่างทางมาเป็นระยะๆ อากาศดีมาก บางช่วงก็ครึ้มไปด้วยก้อนเมฆ บางช่วงก็มีแสงแดดอ่อนๆ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช เส้นทางสะดวกสบาย รถอะไรๆ ก็ขับมาถึงที่นี่ได้
การเดินทางของเรา เริ่มต้นจากที่บ้าน โดยออกจากบ้าน 5:30 น. ขับรถไปตาม GPS ไปทางเหนือ ถนนสายเอเซีย แวะปั๊ม พักบ้างเป็นช่วงๆ ดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ไม่รีบร้อนครับ ตลอดเส้นทางมีฝนตกเป็นระยะๆ
เรามาถึงอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช เวลา 11:00 น. ใช้เวลาไป ห้าชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงที่หมาย ด้านหน้ามีป้อมตรวจการของเจ้าหน้าที่ ก็ลงไปชำระค่าบริการครับ
ค่ารถยนต์ 4 ล้อ ราคา 30 บาท
ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท 2 คน รวม 80 บาท
ค่าเข้าอุทยาน เด็กคนละ 20 บาท
ค่ากางเต็นท์คนละ 30 บาท ชำระที่ศูนย์บริการด้านในครับ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
บรรยากาศภายในอุทยานร่มรื่นมากในฤดูฝน ผมขับรถดูบรรยากาศรอบเดียวแล้วจอดรถลงไปสำรวจบริเวณลานกางเต็นท์ เพื่อหาที่เหมาะๆ ปักสมอกางเต็นท์
สิ่งที่ต้องสำรวจคือ ด้านบนต้องไม่มีกิ่งไม้ หรือกิ่งไม้แห้งที่มันจะหล่นร่วงลงมาตรงบริเวณเต็นท์ของเรา เพราะช่วงนี้ฤดูฝน กลางคืนลมฝนอาจจะมาตอนไหนก็ได้ ต้องห่างกิ่งไม้ใหญ่ไว้ก่อนครับ รวมถึงการจอดรถของเราด้วยนะครับ ต้องไม่อยู่ใต้กิ่งไม้
ในส่วนของพื่้น ก็ต้องเรียบไม่ขรุขระ และไม่เอนเอียงมากเกินไป ที่สำคัญคือต้องไม่มีรังมด รังปลวก ตรงนี้ต้องสำรวจกันให้ดีนะครับ
หลังจากเลือกที่กางเต็นท์เรียบร้อยแล้วก็เริ่มลงสมอได้เลย ผมเลือกที่จะกางทาร์ปก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากป้องกันเผื่อฝนตกลงมาจะได้มีที่หลบสายฝนได้ก่อนครับ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
หลังจากนั้นก็เริ่มกางเต็นท์เป็นลำดับต่อไป ใช้เวลาไม่นานเราก็กางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย มันเป็นทริปที่ต้องกางเต็นท์นอนพักเพียง 1 คืน ดังนั้น ผมจึงใช้เต็นท์ขนาดเล็ก นอนเพียง 3 คน พ่อแม่ลูก ผมเลือก "เต็นท์ K2 Delight" อันเก่า เพราะมันเล็กเบา เคลื่อนย้ายง่าย กางง่าย เก็บง่าย กันฝนได้ดี มีที่นอน 3 คนพอดีครับ 
สิ่งสำคัญอีกอย่าง ผมจะต้องมี ทาร์ป ที่ต้องนำไปใช้ด้วย สำหรับกางคลุมเต็นท์ อันนี้มันมีข้อดีคือ ป้องกันกิ่งไม้เล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะร่วงหล่นลงมาโดนเต็นท์ หรือแม้แต่ป้องกันฝน ป้องกันน้ำค้าง และตัวหนอนแมลงต่างๆ ได้ ประโยชน์อีกอย่างคือ ทำให้เรามีพื้นที่ทำกิจกรรมนอกเต็นท์ได้ด้วยครับ เช่น ทำอาหาร นั่งเล่น นั่งคุยกัน
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
ที่นอนเป่าลมก็สำคัญต้องมีติดไปด้วย เพื่อการหลับนอนที่สบาย ผมเลือกใช้ของแบรนด์ Quechua Comfort เนื่องจากใช้แล้วทุกคนในบ้านยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้สัมผัสแห่งการนอนเต็นท์แบบสบายเหมือนนอนในโรงแรมเลยเชียว
เรื่องที่นอนสำหรับแคมป์ปิ้ง ผมเลือกมาหลากหลายแบบแล้ว เสียเงินแล้วเสียเงินอีก จนมาจบที่ Quechua Comfort อันนี้แหละครับ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
อาหารเครื่องดืมก็เตรียมไปให้พร้อมนะครับ เรื่องนี้ทางแม่บ้านของผมจะเป็นผู้เตรียมการให้เป็นอย่างดี ไม่มีอดแน่นอนครับ พวกอุปกรณ์ทำครัวอย่างเช่น ชุดหม้อสนามขนาดเล็ก และเตาแก๊สกระป๋อง แผ่นบังลมก็สำคัญถ้าไม่มี เตาแก๊สโดนลมมากๆ ก็จะทำให้แก๊สหมดเร็วกว่าปกติ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
ตะเกียงให้แสงสว่างก็ต้องเตรียมไปด้วยนะครับ ผมเลือกตะเกียง LED Coleman เพราะสะดวกและสามารถชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ได้อีกด้วยครับ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
อุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องเตรียมไปก็เป็น โต๊ะสำหรับแคมป์ปิ้ง เก้าอี้ และอุปกรณ์เครื่องครัวสำหรับแคมป์ปิ้ง เอาแบบที่เคลื่อนย้ายง่ายๆ จะดีมากครับ
ช่วงนี้เป็นฤดูฝน ร่มและเสื้อกันฝนต้องติดตัวไปให้พร้อมนะครับ หากเจอฝนตกเราจะได้หยิบมาใช้แน่นอนครับ
อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช
เราตั้งใจจะเดินไปเที่ยวชมต้นกระบากใหญ่ แต่ทางอุทยานแจ้งว่า สถานที่ปิดไม่อนุญาติให้เดินไปชม จะเปิดให้ชมในวันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไปครับ 
เท่ากับว่ากิจกรรมเดินป่าเล็กๆ เพื่อไปชมต้นกระบากใหญ่ของเรา ต้องงดไปโดยปริยาย ผมก็เดินเล่นสำรวจรอบๆ ลานกางเต็นท์เอาครับ เผื่อมาครั้งต่อไปจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาพื้นที่กางเต็นท์
ช่วงเวลาประมาณ 16:00 น. สายหมอกค่อยๆ เริ่มปกคลุมพื้นที่ ทำให้บริเวณลานกางเต็นท์เต็มไปด้วยหมอกฟุ้งกระจายไปทั่ว สวยงามอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ
ช่วงนี้เราก็ทำอาหารเย็นทานกัน และเตรียมตัวไปอาบน้ำ ให้เรียบร้อยครับ ดูแล้วบรรยากาศเหมือนว่าฝนจะตกลงมาได้ตลอดเวลาครับ
เวลา 18:00 น. ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาอย่างหนัก ทำให้ต้องลดระดับทาร์ปลงมา เพื่อให้น้ำระบายออกจากหลังคาได้ดี ไม่อย่างนั้นน้ำจะขังบนทาร์ปและอาจพังลงมาได้ครับ
ช่วงฝนตกพร่ำๆ แบบนี้ เราก็เข้าไปในเต็นท์นอนพักผ่อนกัน คืนนี้เป็นคืนที่นอนหลับสบาย อากาศไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป นอนเย็นสบายเลยครับ
บรรยากาศตอนเช้า กับเสียงนกร้องและไอหมอกฟุ้งกระจายเต็มพื้นที่ อุณหภูมิอยู่ที่ 22 องศา กำลังเย็นสบายๆ 
เช้านี้เราทานอาหารเช้า หลังจากนั้นก็เก็บเต็นท์ แล้วไปเดินดู หมีควาย ชื่อ ธันวา เป็นหมีควายอายุ 25 ปี ที่ แม่หมีถูกนายพรานยิงตาย และนายพรานนำลูกหมีพี่น้องสองตัวมาเลี้ยง จนเจ้าหน้าที่ไปพบและทำการช่วยเหลือ แต่ลูกหมีก็ได้เสียชีวิตไป 1 ตัว ทำให้เหลือ หมีธันวา เพียงตัวเดียว ที่ต้องดูแลกันต่อไป เพราะไม่สามารถปล่อยเข้าสู่ป่าได้ เนื่องจากหากินไม่เป็น และอาจเข้ามาสู่หมู่บ้าน เนื่องจากเคยใกล้ชิดกับมนุษย์ อาจถูกทำร้ายได้ครับ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาเดินทางกลับบ้านกันแล้ว ผมคิดว่าเราควรแวะอุทยานแห่งชาติลานสางเพื่อชมน้ำตกลานสางและสำรวจลานกางเต็นท์สักเล็กน้อย เนื่องจากเราต้องขับรถผ่านกลับบ้านอยู่ดี
แล้วพบกันที่อุทยานแห่งชาติลานสางครับ