กางเต็นท์ยอดเขาพะเนินทุ่ง 

ท่องเที่ยว วันที่ 9-10 เมษายน 2565

ยอดเขาพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ถือได้ว่าเป็นจุดชมทะเลหมอกสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และมีโอกาสมากที่จะได้พบทะเลหมอกในช่วงฤดูร้อน อย่างเดือนเมษายน ผมกับครอบครัวและเพื่อนๆ จึงนัดแนะกันว่าจะไปกางเต็นท์รอชมทะเลหมอกบนยอดเขาพะเนินทุ่งดูสักครั้ง หลังจากพลาดการชมทะเลหมอกในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา

พวกเราตกลงกันจะเดินทางในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 9 เมษายน 2565 และจะกลับลงจากยอดเขาในวันที่ 10 เมษายน 2565 โดยรถที่ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อนุญาติให้ขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ได้มีการกำหนดไว้ว่าจะต้องเป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น อาจมีเหตุผลเพื่อลดปริมาณของรถที่จะขึ้นไป และเพื่อความปลอดภัยเมื่อต้องพบกับอุปสรรค์ที่คาดไม่ถึ่ง เช่นกรณีขึ้นไปแล้วฝนตกถนนลื่น

รถยนต์ขับเคลื่อน4ล้อ ขึ้นเขาแก่งกระจาน

รถของผมเป็น New Nissan Terra VL 4WD และเคยขับขึ้นไปยัง "ยอดเขาเทวดา อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 3" มาแล้ว 1 ครั้ง และครั้งนี้จะไปทดสอบสมรรถนะความแข็งแกร่งของรถที่ซื้อมาใช้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่กับการขึ้นเขาพะเนินทุ่งในครั้งนี้ รถของเพื่อนผมชื่อ ยอด เป็นอีกคัน ใช้รถ Toyota Fortuner Sport TRD 4WD คงไม่มีปัญหาอะไรในการขึ้นเขาครั้งนี้

เพื่อนผมอีกคน ชื่อเรย์ ที่เคยไปเที่ยวเขาเทวดาด้วยกัน ใช้ Toyota Vigo ขับเคลื่อน 2 ล้อ ไม่สามารถผ่านเกณฑ์ของอุทยานที่ระบุให้เฉพาะขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น จึงต้องนัดแนะกับเพื่อนอีกคนที่ชื่อบอย และมีรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ Isuzu MU-X 4WD 

ตามมาด้วยเพื่อนที่ชื่อต่อ ซึ่งร่างกายและกำลังขาไม่ค่อยจะสู้ดีนักเนื่อจากอายุก็เข้าสู่วัยกลางคนกันหมดแล้ว ต่อมีอาการปวดขาและไม่สามารถเดินขึ้นเขาไกลๆ ได้ แต่ทริปนี้เป็นการขับรถ 4WD ขึ้นเขา ก็ขอตามไปด้วย เนื่องจากรถที่ใช้ เป็นรถยนต์ Honda CRV AWD เพื่อนผมอีกคนที่ชื่อ แบท ขอร่วมทริปไปด้วยโดยใช้รถยนต์ Mitsubishi Pajero 4WD ทำให้ทริปนี้มีรถยนต์ 4WD รวม 5 คันและเป็นรถ 5 ค่ายไม่ซ้ำกันเลย

ภายหลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว โดยต่างคนต่างไป ใครสะดวกช่วงไหนก็ออกเดินทางช่วงนั้น แต่จะไปรอตรงก่อนถึงทางขึ้นแค้มป์บ้านกร่าง ที่ด่านเขาสามยอด

เส้นทางไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 

ผมออกเดินทางประมาณตีสี่กว่าๆ เพราะอยากไปถึงที่หมายแต่เช้า แวะเติมน้ำมันเต็มถัง 580 บาท เนื่องจากมีน้ำมันอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ขับรถออกไปเพื่อจะถึงที่หมายก่อนเพื่อน จะได้มีเวลาทานอาหารก่อนขึ้นไปยังเขาพะเนินทุ่ง โดยผมใช้ทางด่วนบางปะอิน เพื่อไปออกยังถนนพระราม 2 มุ่งสู่ จังหวัดสมุทรสาคร และมุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบุรี

พอผมเลี้ยวเข้าสู่จังหวัดเพชรบุรีแล้ว ก็มองหาร้านของชำ เพื่อที่จะซื้อน้ำแข็งใส่กระติกไว้เอาไปกินบนเขาพะเนินทุ่ง ถึงเขาจะบอกว่าเย็นสบายแต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องซื้อติดไปด้วย เพราะอากาศบ้านเรามันก็ไว้ใจไม่ค่อยได้จริงๆ

ผมขับรถผ่านจุดขายของ ประตูสู่ปักษ์ใต้ เป็นร้านขายของชำขนาดใหญ่ และเห็นมีถังน้ำแข็งตั้งอยู่ด้านหน้าชัดเจน ผมรีบชลอรถและเลี้ยวเข้าไป ก็ไม่ผิดหวัง ผมซื้อน้ำแข็งใส่กระติด 35L จำนวน 30 บาทเท่านั้น แล้วก็เดินทางต่อไปยัง อำเภอแก่งกระจาน

ในระหว่างทางนี้ผมพยายามที่จะหาปั๊มน้ำมันเพื่อแวะดื่มกาแฟ หรือเข้าห้องน้ำแต่ก็ไม่เห็นมีตลอดเส้นทาง และแล้วลูกสาวผมก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ทำให้ผมต้องหาห้องน้ำโดยเร็ว แต่ก็ไม่มีปั๊มน้ำมันที่จะมีห้องน้ำให้บริการ ผมจึงรีบไปยังด่านสามยอด แต่ก่อนถึง ผมได้พบกับทางสามแยก กม.0 มีร้านก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งอยู่ริมทาง และมีห้องน้ำด้วย ผมจึงแวะทันที

ด่านเขาสามยอด แก่งกระจาน

ภรรยาผมพาลูกสาวไปเข้าห้องน้ำและผมก็มานั่งรอ สั่งอาหารทาน ก็มีก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น อร่อยใช้ได้ ผมจึงใช้จุดนี้เป็นจุดนักพักรอเพื่อนๆ เสียเลย

ในระหว่างนั้น เพื่อนๆ ก็ทยอยกันมาถึง และสั่งอาหารรับประทานกัน ก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปยัง บ้านกร่างแคมป์

จาก กม.0 เราขับไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ถึงด่านสามยอด และชำระค่าบริการต่างๆ ที่จุดนี้

ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

รถยนต์ 4 ล้อ คันละ 30 บาท

ผู้ใหญ่ คนละ 100 บาท อายุ 60 ปี ขึ้นไป ฟรี

เด็กอายุ 3-14 ปี 40 บาท

ค่ากางเต็นท์ คนละ 30 บาท/คืน

ผมไม่ลืมที่จะประทับตราอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานลงในสมุดบันทึกตราอุทยานแห่งชาติไว้ด้วย หลังจากชำระค่าบริการอะไรต่างๆ เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ขับรถไปยัง บ้านกร่างแคมป์ ทันที เส้นทางช่วงนี้เป็นทางลาดยางมะตอย ขับขี่สบายๆ ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางเพลินๆ ประมาณ 20 นาที ก็ถึงจุด บ้านกร่างแคมป์ แล้วครับ

บ้านกร่างแคมป์ แก่งกระจาน

ไฮไลท์ของที่นี่คือ ฝูงผีเสื้อจำนวนมากมายหลายร้อยหลายพันตัว บินกันให้เต็มไปหมด และตรงบริเวณทางเดินที่เป็นดิน หากมีน้ำแฉะๆ ฝูงผีเสื้อก็จะมาเกาะกินแร่ธาตุในดิน จะมีเยอะก็ตรงเนินดินตามลำธารน้ำไหล เป็นภาพที่น่าประทับใจมากครับ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องระมัดระวัง นั่นคือ ฝูงผึ่ง โดยเฉพาะห้องน้ำชาย ตรงบริเวณที่ปัสาวะชาย จะมีฝูงผึ้งอยู่เต็มไปหมด เพื่อนเดินสวนกันบอกผึ้งเยอะมาก ผมไม่เชื่อคำเพื่อนบอก พอเดินไปถึงเท่านั้นแหละครับ ไม่กล้ารูดซิบกางเกงเลยครับ ผึ้งเป็นพันๆ ตัวบ้างก็บิน บ้างก็เกาะที่ปัสสาวะ เป็นกลุ่มเป็นก้อน ผมก็กลัวว่าบรรดาผึ้งเหล่านั้นจะเพิ่มขนาดให้กับท่านชายโดยที่เราไม่ได้ร้องขอ ผมจึงเลี่ยงไปใช้ห้องสุขาแทน ซึ่งมีผึ้งน้อยกว่า

บ้านกร่างแคมป์ แก่งกระจาน

หลังจากทำธุระส่วนตัวกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ขับรถขึ้นไปยังด่านฝายกั้นน้ำแก่งกระจานด้านบน เพราะจุดนี้จะเป็นจุดปล่อยรถขึ้นเขาพะเนินทุ่งตามเวลา เพื่อไม่ให้รถส่วนทางกันข้างบน ก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพราะเส้นทางแคบและมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง นำรถขึ้นไปและขับสวนลงมา มีจอดชมธรรมชาติ จอดชมนก ส่องนก ถ่ายภาพผีเสื้อ และยังมีจุดที่รถจะต้องขับผ่านลำธารน้ำไหล ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3 ลำธาร หากเป็นรถ 4WD ก็ไม่มีปัญหาอะไรสำหรับลำธารเล็กๆ แบบนี้ แต่ถ้าเป็นรถเก๋ง หรือรถเล็กๆ ก็อาจติดโขดหินในลำธารทำให้ช่วงล่างของรถเสียหายได้เช่นกันครับ

ในช่วงที่เรารอเวลาขึ้นเขาพะเนินทุ่ง ผมก็พาลูกสาวขี่หลังไปเดินเล่นดูธรรมชาติรอบๆ ซึ่งเป็นป่าและมีฝายกั้นน้ำอยู่ด้วย ผมจึงเดินไปยังฝายกั้นน้ำเพื่อให้ลูกได้ชม อีกด้านของฝายกันน้ำจะมีน้ำเยอะกว่าอีกด้าน ซึ่งเป็นการชลอการไหลของน้ำไม่ให้ไหลไปจนหมดแห้ง คงพอมีไว้ให้สัตว์ป่าและสัตว์น้ำได้อยู่อาศัยบ้าง

ทางขึ้นเขาพะเนินทุ่ง

พอได้เวลาคือ 13:00 น. เจ้าหน้าที่ก็เปิดไม้กัน พวกเราก็ทยอยขับรถยนต์กันขึ้นไป เส้นทางเป็นทางขึ้นเขาลงเขาสลับกันไป ผมใช้ระบบ HDC (Hill Descent Control) ในช่วงลงทางลาดชัน ซึ่งระบบจะเบรคเพื่อชลอความเร็วให้กับรถอย่างเหมาะสม แต่ทว่ามันก็ทำให้รถนั้นเคลื่อนที่ไปได้อย่างช้าและเบรคบ่อยจนทำให้เพื่อนที่ตามหลังมาเกิดอาการหงุดหงิดได้เหมือนกัน ทางที่ดีระบบนี้ควรใช้เฉพาะลงทางลาดชันมากจริงๆ เท่านั้น ไม่ควรใช้ตลอดการเดินทางขึ้นลงเขา

กางเต็นท์เขาพะเนินทุ่ง

พวกเราใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงพอดี ก็ถึงยังยอดเขาพะเนินทุ่ง หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วก็ขนของเพื่อไปกางเต็นท์ยังลานกางเต็นท์ที่อยู่ด้านใน เป็นลานกว้างประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่มากนัก พวกเราก็เลยเลือกกันตามแต่สะดวกของใครของมัน ในช่วงเวลาที่ผมทยอยขนของจากรถไปเต็นท์ ก็เห็น หมีหมาตัวหนึ่ง เดินมาตรงบริเวณลานจอดรถด้วย ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจกับนักท่องเที่ยวกันอย่างมาก ที่ได้เห็นสัตว์ป่าตัวเป็นๆ ของจริงๆ อยู่ตรงหน้าห่างกันประมาณ 10 เมตร โดยไม่มีลูกกรงกั้นเหมือนในสวนสัตว์ เจ้าหมีหมา เดือนอุ้ยอ้ายตามประสา โดยไม่สนใจมนุษย์ที่กำลังถ่ายถาพเป็นที่ระทึก หมีตัวนี้ไม่แสดงอาการดุร้ายใดๆ ใส่พวกเราเลย คงเดินเลาะแนวป่าไปจนถึงลานจอดรถ เจ้าหน้าที่ก็เลยโบกมือไล่ ทำให้เจ้าหมีเลี่ยงลงไปในแนวป่าด้านล่าง ในระหว่างกางเต็นท์ พวกเราก็ได้เห็นนกเงือกตัวใหญ่บินโฉบลงมาเกาะต้นไม้ใกล้ๆ กับที่เรากางเต็นท์ ลูกสาวและภรรยาผม รีบวิ่งไปดูและถ่ายภาพบันทึกวีดีโอเก็บไว้

นกเงือกบนเขาพะเนินทุ่ง

เมื่อผมกางเต็นท์เรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปยังจุดชมวิว เขาพะเนินทุ่ง ว่าเส้นทางเป็นอย่างไร ไกลหรือไม่ เช้าจะได้ตืนและเดินทางมาได้อย่างถูกต้อง จะได้ไม่หลงเหมือนตอนไปขึ้นยอดเขาเทวดา ที่พวกเราไม่ได้สนใจเส้นทางกันเลย พอตอนเช้ามือก็ทำให้เราหลงทางกันจนเหนื่อย

จุดชมวิวยอดเขาพะเนินทุ่งตอนพระอาทิตย์ตกดิน

เส้นทางไปยังจุดชมวิวไม่ไกลมาก เดินลงจากจุดกางเต็นท์ไปเล็กน้อย และก็ขึ้นไปยังจุดชมวิว มีบันใดให้เดินได้อย่างสะดวก ในช่วงเย็นแบบนี้ เป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ช่างเป็นบรรยากาศที่สวยงามจริงๆ ครับ และบนยอดไม้ด้านล่างผมก็เห็นการเคลื่อนไหวของบางอย่าง ทำให้กิ่งไม้ไหวเอนไปตามทิศทางของการเคลื่อนที่ มันเป็นสัตว์ป่าบางอย่างที่ผมเห็นตัวไม่ชัดนักกำลังกระโดดไปตามยอดไม้ และไม่ใช่แค่ตัวเดียว น่าจะมีหลายตัวด้วยกัน แต่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ผมก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันคือตัวอะไร

บรรยากาศยามเย็นยอดเขาพะเนินทุ่ง

อากาศค่อยๆ เย็นลงจนผมต้องนำผ้ามาพันคอไว้เพื่อความอบอุ่น และนั่งคุยกันตามประสาเพื่อนๆ ที่ไม่ได้พบเจอกันนาน เพื่อนกลุ่มนี้เป็นเพื่อนสมัยเรียน ปวช.เทคนิค และตางคนต่างเติบโตมีครอบครัว ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะได้มาพบกันและนั่งคุยกันบนยอดเขาที่อากาศเย็นสบาย พอถึงเวลาสี่ทุม พวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอน เพราะช่วงเช้าผมไม่อยากที่จะตื่นสายและพลาดไปชมทะเลหมอกที่จุดชมวิว

กม.30 ยอดเขาพะเนินทุ่ง

ประมาณตีห้า ที่ผมลืมตาตื่นขึ้นปลุกลูกสาวและภรรยาเพื่อเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเราก็ชวนกันเดินไปยังจุดชมวิว เมื่อถึงจุดชมวิว พวกเรารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เนื่องจากหมอกที่เห็นเป็นลักษณะของหมอกที่ฟุ้งกระจายเต็มไปหมด ไม่ได้จับตัวเป็นกลุ่มก้อนเหมือนทะเลหมอกอย่างที่หลายๆคนได้พบ แต่ถึงแม้ว่าครั้งนี้ธรรมชาติไม่เอื้ออำนวยให้พวกเราได้เห็นทะเลหมอก แต่บรรยากาศก็ทำให้รู้สึกดีและเป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับพวกเรา

จุดชมวิวยอดเขาพะเนินทุ่งตอนเช้า

เมื่อตะวันขึ้นพ้นยอดไม้ เราก็เดินลงกันมาจากจุดชมวิวและเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูอะไรบางอย่างในกอไผ่ที่อยู่ตามแนวป่า เมื่อผมเข้าไปดูก็พบว่าเป็น ค่างแว่น ตัวเล็กๆ น่ารัก สีดำสลับขาว มีขอบตาสีขาวเหมือนใส่แว่น นี่หล่ะมั้งที่ทำให้ได้ชื่อว่าเป็น ค่างแว่น และเจ้าค่างแว่นเหล่านี้คงเป็นสัตว์ที่ผมได้เห็นกระโจนเล่นอยู่บนยอดไม้ตอนเย็นๆ

ยอดเขาพะเนินทุ่ง

ค่างแว่นบางตัวในมือเขามีหน่อไม้หน่อโตๆ ถืออยู่ด้วย เขากำลังกินหน่อไม้ บางตัวก็กินใบไม้ และบางตัวก็ไต่ขึ้นไปบนยอดไผ่ก่อนที่จะกระโจนไปยังต้นไม้ข้างๆ แล้วโผกระโจนไปยังต้นไม้อีกฝั่งหนึ่งของถนนทางเดิน ทำให้พวกเรารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเจ้าพวกค่างแว่นเหล่านี้กันอย่างมาก เพราะนี่คือ สัตว์ป่าแท้ๆ ตัวเป็นๆ ที่อยู่กันเป็นฝูง น่าจะประมาณ 5-6 ตัว และกำลังกินยอดไม้กันอย่างเพลิดเพลินไม่ได้สนใจมนุษย์อย่างเราๆ กันเลย พวกเรากลับไปที่เต็นท์และทำอาหารเช้าทานกับกาแฟกันเล็กน้อยแล้วต่างคนต่างเก็บเต็นท์ เพื่อจะลงไปจากเขาในช่วงเวลา 9:00 น.-11.30 น.

ค่างแว่นบนยอดเขาพะเนินทุ่ง

ในระหว่างทางขับรถลงเขา ผมก็เห็นสัตว์บางอย่าง ทีแรกคิดว่าสุนัข แต่พอเห็นชัดๆ คือ เก้ง หรือกระจง ตัวเล็ก กำลังกระโดดไปมา เมื่อเห็นรถเรา ก็กระโจนลงไปข้างทาง ตลอดเส้นทางผมได้ยินเสียงชะนีร้องก้องกังวาลอยู่ในราวป่า เป็นเสียงที่ฟังเพลิดเพลินอย่างบอกไม่ถูก และช่วงใกล้ถึงแคมป์ป้านกร่าง ภรรยาผมเห็นลิงจำนวนหนึ่งอยู่ในราวป่าข้างทางอีกด้วย

ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ยอดเขาพะเนินทุ่ง

ป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ถือว่าเป็นอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำให้เราได้สัมผัสกับความอุดมสมบูรณ์และบรรยากาศของป่าไม้และสัตว์ป่าบางชนิดที่ผ่านมาให้เราได้พบเห็นอย่างเต็มที่ การเดินทางครั้งนี้ทำให้ลูกสาวของผมนำไปเขียนรายงานส่งคุณครู บอกเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ที่ได้ไปพบมา ถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งกับสถานที่ป่าจริงๆ ไม่ได้อยู่แต่ในจอโทรศัพท์ หรืออยู่ในจอคอมพิวเตอร์ ที่เด็กๆ ยุคนี้จะต้องเรียนผ่านออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ยอดเขาพะเนินทุ่ง

บันทึกการเดินทาง วันที่ 9-10 เมษายน 2565

ติดตามรับชมรายละเอียดได้ใน ช่องยูทูป Atxiz Trail บันทึกการเดินทาง