ทุกคนนน! หลังจากเที่ยวชมภาพเขียนสีที่อุทยานแห่งชาติผาแต้มจนหนำใจแล้ว เราก็ขับรถต่อไปยังจุดหมายใหม่ นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ที่จังหวัดอุบลราชธานีครับ! ใช้เวลาขับรถแค่ชั่วโมงกว่าๆ เส้นทางสะดวกสบายหายห่วงเลย
ตอนนั้นบ่ายสามกว่าแล้วครับ ผมก็แอบกังวลนิดๆ ว่าจะมืดก่อนกางเต็นท์ไหม เพราะไม่มีข้อมูลเรื่องลานกางเต็นท์ที่นี่เลย แต่พอไปถึงแล้วก็ต้องร้องว้าว! เพราะลานกว้างมากกก สะอาดตา และร่มรื่นสุดๆ แถมมีคนมากางเต็นท์อยู่แค่เต็นท์เดียวเท่านั้นเอง

การเดินทางและการตั้งแคมป์แบบง่ายๆ
-
ค่าใช้จ่ายเบาๆ: จ่ายค่าเข้าอุทยานตามปกติ ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท เด็ก 20 บาท และรถยนต์ 30 บาท จากนั้นก็ไปลงทะเบียนและจ่ายค่ากางเต็นท์คนละ 30 บาทต่อคืนเท่านั้นเองครับ
-
เลือกจุดกางเต็นท์ให้ถูกใจ: ผมรีบกางเต็นท์ก่อนจะค่ำ โดยเลือกจุดที่พื้นเรียบ ใกล้ร่มไม้ เพื่อให้ตอนเช้ามีเงาบังแดด และนอนสบายไม่ปวดหลัง
-
ไม่ต้องกางทาร์ปก็ชิลได้: ที่นี่ร่มรื่นมากจนไม่ต้องกางทาร์ปเลยครับ แถมยังรู้สึกปลอดภัยหายห่วงเพราะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและให้คำแนะนำอยู่ตลอด


บรรยากาศที่ใช่...สำหรับการพักผ่อน
สิ่งที่ประทับใจที่สุดของที่นี่คือบรรยากาศครับ! ด้านหน้าลานเป็น แก่งตะนะ ที่สวยงาม มีเสียงน้ำไหลกระทบโขดหินดังตลอดเวลาเหมือนเสียงน้ำตกธรรมชาติเลยครับ นอกจากนี้ยังมีสะพานแขวนข้ามลำน้ำมูลให้เดินเล่น ซึ่งน่าเสียดายที่ผมไม่มีเวลาไปสำรวจ



พอตกเย็น อากาศก็เริ่มเย็นลงและมีน้ำค้างลงมาจนฟลายชีทเต็นท์เปียก เราเลยต้องรีบเข้าไปนอนในเต็นท์เพื่อความอบอุ่น แต่ก็ดีแล้วครับ เพราะเต็นท์หลังนี้เริ่มจะเล็กไปสำหรับพ่อ แม่ ลูก อย่างเราแล้ว คงได้ข้ออ้างซื้อเต็นท์หลังใหม่เร็วๆ นี้แหละครับ



สร้างความทรงจำที่ไม่เหมือนใคร
หลายคนอาจมองว่าการกางเต็นท์มันดูยุ่งยากและไม่มีอะไรเลย แต่สำหรับผมแล้ว การได้มาใช้ชีวิตกลางแจ้งแบบนี้มันคือการสร้างความทรงจำดีๆ ที่หาไม่ได้จากการอยู่บ้านเฉยๆ การช่วยกันกางเต็นท์ ทำอาหาร และใช้ชีวิตร่วมกันในธรรมชาติมันเป็นสิ่งที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ดีมากๆ






ทริปสิ้นปี 3 วัน 2 คืนนี้ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับครอบครัวของเราอย่างแท้จริงครับ ถ้าคุณเป็นอีกคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ และชาร์จพลังจากธรรมชาติ ต้องลองมาที่นี่สักครั้งในชีวิตนะครับ! ชีวิตมันสั้น... ออกเดินทางสร้างความทรงจำดีๆ ให้ตัวเองกันเถอะ!

