ลานกางเต็นท์สระบุรี P&N Valley Camp
ท่องเที่ยว วันที่ 3-4 มิถุนายน 2565
ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ พร้อมกับเสียงฟ้าร้องเป็นระยะๆ วันนี้เรามีแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวกางเต็นท์ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เป็นลานเอกชนชื่อว่า “P&N Valley camp” แต่ว่าท้องฟ้าที่บ้านตอนนี้ไม่สดใสเอาเสียเลยกับกลุ่มก้อนเมฆสีเทาทมึนที่ลอยต่ำ พร้อมกับเสียงฟ้าคำราม
ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับปลุกลูกสาวให้ลุกจากที่นอนด้วยอาการสะลึมสะลือ สำหรับผมนั้นได้เตรียมสิ่งของอุปกรณ์กางเต็นท์ไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เมื่อทุกคนพร้อมเราก็ออกเดินทาง ผมไปแวะทานอาหารเช้า เป็นข้าวมันไก่ร้านใกล้ๆ บ้าน
ช่วงที่เราขับรถออกมาได้สักระยะ ฝนก็ตกลงมา ทำให้อากาศเช้านี้เย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าว อันที่จริงแล้วผมก็อยากให้ฝนตกลงมาหลังกางเต็นท์เสร็จ จะได้นั่งๆ นอนๆ ฟังเสียงสายฝนโปรยปราย ท่ามกลางบรรยกาศธรรมชาติ และผมก็เลือกจุดกางเต็นท์เป็นลานหินไว้ด้วย หากฝนตกลงมา พื้นก็จะไม่เลอะเทอะเหมือนพื้นดินหรือพื้นหญ้า
ในช่วงที่ผมขับรถเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ฝนก็หายไป พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องผ่านกลุ่มเมฆลงมาเบื้องหน้า ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้หลากหลายที่แตกช่อผลิใบยามฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำ
เนื่องจากสถานที่กางเต็นท์วันนี้ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ใช้เวลาขับรถไม่นาน เราจึงมีเวลาแวะดื่มกาแฟ เป็นคาเฟ่ในปั๊มน้ำมันที่มีทุ่งทานตะวันอยู่ด้านหลังร้าน แต่วันนี้ทุ่งทานตะวันไม่มีให้เห็นเสียแล้ว เนื่องจากกำลังไถดินเพื่อเตรียมการเพาะปลูกอีกครั้ง
หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปยัง P&N Valley Camp ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ผมขับรถเข้าไปตามที่เจ้าของแจ้งมายังไลน์ แล้วเราก็มาถึงจุดที่กางเต็นท์ เป็นลานหินใต้ต้นไม้ร่มรื่นดีจริง
ค่าบริการสถานที่ P&N Valley Camp มีแจ้งไว้ใน Facebook Page และสามารถติดต่อสั่งจองได้สะดวก เดี๋ยวผมจะลงรายละเอียดคร่าวๆ ไว้ตอนท้าย
เนื่องจากผมไม่เคยมาและก็ไม่รู้ว่าจะกางเต็นท์ตรงส่วนไหนจึงจะได้รับบรรยากาศที่ดีที่สุด ทางเจ้าของแจ้งว่าเหลือลานหิน 3 ผมก็เลยจำต้องจองตามนั้น และยังคิดไปว่าหากฝนตกยังไงก็ดีกว่าลานดิน
แต่เมื่อผมจอดรถและขนสัมภาระทั้งหมดลงมาจากรถก็เห็นได้ว่าลานหิน3 ที่จองไว้อยู่ติดกับห้องน้ำมากเกินไป แต่ก็ต้องทำใจเพราะจ่ายเงินจองไปแล้ว ผมก็เริ่มลงมือกางทาร์ปสำหรับบังแดดบังฝนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะกางเต็นท์ ในช่วงที่ผมกางเต็นท์อยู่นั้น รู้สึกได้ว่ายามเมื่อลมพัดหวลโชยมาจากห้องน้ำ มันมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยมาเป็นระยะๆ เราเริ่มมองหน้ากันกันและคุยกันว่าจะทนกลิ่นห้องน้ำได้ไหมในตลอดระยะเวลาที่พักผ่อนอยู่ที่นี่ 1 คืน
ผมพยายามไม่สนใจกับกลิ่นห้องน้ำมากนัก แต่มันก็โชยลอยมาเข้าจมูกทุกครั้ง และชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนมีใครผายลมตด ให้ดมอยู่เป็นระยะๆ
เราจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่ ว่าตรงจุดนี้ไม่โอเค เรื่องกลิ่นที่มาจากห้องน้ำ สักพักใหญ่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เดินมาบอกว่ามีลานกางเต็นท์เป็นลานหินเหมือนกันว่างอยู่ 1 ที่ ให้ผมไปดูว่าโอเคไหม
มันเป็นลานหินอยู่ใต้ร่มไม้คลายกัน แต่ไกลจากห้องน้ำมากกว่า และไม่มีกลิ่นรบกวน ผมจึงตัดสินใจถอนสมอบกและรีบเคลื่อนย้ายทาร์ปและเต็นท์มาลานหินใหม่ทันที
ถือว่าเป็นการบริการที่ดีเยี่ยมสำหรับผมแล้วครับ ในถานะที่เราเป็นผู้ใช้บริการ หากเดือดร้อนเจ้าหน้าที่ก็จัดการดูและบริการเปลี่ยนให้ตามความเหมาะสม
ทางเจ้าของแจ้งมาว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่นำ EM ไปใส่เพื่อดับกลิ่นแล้ว พร้อมกับมีแผนจะเปลี่ยนถังเป็นระบบปิดเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนผู้มาเที่ยวพักผ่อน
เมื่อกางเต็นท์เรียบร้อยแล้วก็ตั้งโต๊ะทำอาหาร โดยมื้อแรกเป็นลูกชิ้นลวกกับน้ำจิ้มรสเด็จพร้อมผักเครื่องเคียง ตบท้ายด้วยมังคุดผลไม้อร่อยๆ
ผมนั่งพักผ่อนจนหายเหนื่อย แล้วก็เดินไปเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ โดยจุดที่กางเต็นท์ VIP เป็นลานอยู่บนเนินสูง เห็นทิวเขาเบื้องหน้าสวยงาม และเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกอีกด้วย ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เลือกกางเต็นท์ ณ จุดนี้ ไม่ใช่เพราะเกี่ยงเรื่องของราคาที่แพงขึ้นมาอีก 100 บาท แต่เพราะจองไม่ทัน บนนี้เป็นเนินเขาสูงทำให้ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา พื้นก็ถูกปลูกหญ้าไว้ได้อย่างสวยงามดูสะอาดตามาก
ลานกางเต็นท์นี้ไม่มีกิจกรรมอะไรให้เด็กๆ ได้เล่น ทำให้ลูกสาววัย 9 ขวบของผมเบื่อหน่าย ส่วนคุณแม่ก็มีกิจกรรมทำอาหารให้พวกเราได้ทานกัน
กลับมายังสถานที่กางเต็นท์ของเราอีกครั้ง ซึ่งร่มรื่นและเย็นสบายมากๆ เพราะอยู่ใต้ต้นไม้ที่โอบล้อมรอบสถานที่ไว้ กิ่งไม้แผ่ปกคลุมพื้นที่ให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดีทีเดียว
แต่ก็มีบ้างที่จะมีตัวหนอน หล่นร่วงลงมาและ กระดึบคืบคลานเข้ามายังบริเวณเต็นท์ ผมก็ใช้ไม้ค่อยๆ เขี่ยมันออกไปไว้ตามยอดไม้อื่นๆ การออกมากางเต็นท์ คงต้องระมัดระวังเรื่องของแมลงกัดต่อยให้มาก เพราะถ้าพลาดเจอแมลงมีพิษอาจทำให้เราไม่มีความสุขกับการท่องเที่ยวในครั้งนั้นไปเลยก็ได้
ตอนกลางคืน จะมีเสียงเต็นท์ใกล้ๆ เปิดเพลงเบาๆ ลอยมาให้ให้ยินตามสายลม หลังจากสี่ทุ่มก็เงียบเสียงไป แต่ก็ได้เยินเสียงสนทนากันชัดเจน ผมเข้าเต็นท์นอนตอนสี่ทุ่มแล้วหลับไป
สะดุ้งตื่นอีกครั้งตอนเที่ยงคืน จากเสียงฟ้าร้องและฝนตกโปรยปรายลงมา ดีที่ไม่มีลมแรงเท่านั้น ฝนตกพร่ำๆ มาเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงกระทบกับทาร์ปที่กางไว้อย่างชัดเจน เมื่อทาร์ปรองรับน้ำฝนไว้จำนวนหนึ่งก็ไหลเทลงมายังด้านข้างของเต็นท์ เหมือนมีคนสาดน้ำลงมาดังโครมใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นไร เต็นท์ยังคงรับแรงปะทะของน้ำเอาไว้ได้
ตืนเช้าขึ้นมาด้วยบรรยากาศอันสดชื่น พร้อมกับเสียงนกร้องเจือยแจ้วใกล้บ้างไกลบ้าง ผมรีบลุกไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัว แล้วกลับมาเก็บของที่ไม่จำเป็นใส่ถุงกันน้ำไว้
แล้วมานั่งทานอาหารเช้า มื้อนี้เมียผมทำข้าวต้มทรงเครื่องหมูสับและใส่กุ้งแห้งด้วย ข้าวต้มร้อนอร่อยมากกับท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติแบบนี้
เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จก็ช่วยกันเก็บเต็นท์ ซึ่งก็ไม่ค่อยเปียกฝนเท่าไหร่นัก เนื่องจากเรากางทาร์ปไว้กันฝนด้านบน ทำให้เก็บง่าย ไม่ต้องรอให้แห้ง
ส่วนทาร์ปเราก็ปลดเสารอบๆ ออก เหลือเสากลางไว้สองต้น ทิ้งให้น้ำที่เกาะอยู่บนทาร์ป ไหลแห้งลงไป แต่ก็ต้องใช้กระดาษทิชชู่เช็ดเพื่อจะได้แห้งไวขึ้น แล้วก็พับเก็บเข้ากระเป๋าไป
ส่วนที่เหลือก็คือโต๊ะและเก้าอี้นั่งพัก เราเก็บของขึ้นไว้บนแร็คหลังคารถแล้ว ก็พับโต๊ะเก้าอี้ไปเก็บไว้ ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน
ค่าบริการ
ลานกางเต็นท์ VIP 400 บาท/คน/คืน เป็นลานบนเนินเขาเห็นวิวเทือกเขาฝั่งตรงข้ามชัดเจน และวิวไร่ของชาวบ้านด้านล่าง
ลานกางเต็นท์ ลานหิน 300 บาท/คน/คืน เป็นลานหินกรวด ใต้ร่มไม้ ฝนตกไม่เลอะเทอะ แต่วิวไม่ค่อยสวยมากในบางจุด
ห้องน้ำ สะอาดมาก โดยเฉพาะห้องน้ำวงกลม แบ่งชายหญิง
มีอ่างสำหรับล้างภาชนะ และมีถังขยะ
มีปลั๊กไฟฟ้าให้ใช้ต่อพ่วงทุกจุดที่กางเต็นท์
สถานที่สะอาด เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย