ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกางเต็นท์ "ขุนน้ำเย็น" 

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566

ผมเดินทางออกจากบ้านด้วยรถมอเตอร์ไซค์ในตอนเช้ามืด เวลา 4:00 น. โดยสัมภาระทั้งหมดได้เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานพร้อมผูกติดท้ายรถมอเตอร์ไซค์อย่างแน่นหนา ครั้งนี้เป็นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถมอเตอร์ไซค์เป็นครั้งแรกของผม ระยะทางกว่าสามร้อยกิโลเมตร ณ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

ผมนัดน้องที่ทำงานด้วยกันไว้ก่อนจะเดินทางขับรถมอเตอร์ไซค์ไปพร้อมกัน โดยมุ่งหน้าไปยัง “อุทยานแห่งชาติแม่วงก์” เพื่อไปสัมผัสถึงความเย็นสบายในช่วงฤดูฝนของปีที่ “ช่องเย็น”

เราขับรถมอเตอร์ไซค์เดินทางไปได้สักระยะจึงแวะปั๊มน้ำมันที่จังหวัดสิงห์บุรี และได้รับการติดต่อจากน้องอีกหนึ่งคนที่กำลังจะขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมาสมทบ เราจึงตกลงนั่งรอที่ปั๊มน้ำมัน เป็นการพักผ่อนคลายไปในตัว

หลังจากน้องที่ขับตามมาถึงจุดนัดหมายแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง รวมรถมอเตอร์ไซค์ในทริปนี้เป็น 3 คัน 4 คน

ขี่มอเตอร์ไซค์ไปช่องเย็น

เราขับรถเข้าไปยังจังหวัดชัยนาท เข้าสู่จังหวัดกำแพงเพชร ด้วยบรรยากาศที่เย็นสบายในยามเช้า พวกเราแวะปั๊ม เพื่อเติมน้ำมันและยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย เพราะการนั่งอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์นานๆก็ทำให้ปวดก้นเหมือนกัน

เส้นทางเข้าสู่จังหวัดกำแพงเพชร ถนนสะดวกสบายและขับมอเตอร์ไซค์ง่าย เส้นทางถือว่าดีเหมาะกับการท่องเที่ยวโดยแท้จริง

ก่อนที่เราจะเข้าไปถึงอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ก็แวะพักกันที่ กรมทางหลวงคลองลาน หลังจากเข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ ผ่อนคลายร่างกายแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

ขี่มอเตอร์ไซค์ไปอุทยานแห่งชาติแม่วงก์

ขับรถมาเพียงครู่เดียวเราก็ถึงด่าน อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โดยพวกเราต้องชำระค่าบริการผ่านเข้าอุทยาน

ค่ารถมอเตอร์ไซค์ คันละ 20 บาท

ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท

ค่าประกันชีวิต คนละ 10 บาท

ผมซื้อสเปรย์ฉีดพ่นป้องกัน "ตัวคุ่น” ด้วยขวดละ 120 บาท และซื้อยาหม่องเผื่อโดนกันจะได้ทาแก้คัน ขวดละ 40 บาท

หลังจากนั้นเราก็ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เราต้องไปชำระค่าบริการกางเต็นท์ที่นั่นคนละ 30 บาท/คน/คืน พร้อมทั้งประทับตราอุทยานลงในสมุดเพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเดินทางท่องเที่ยวแต่ละอุทยาน

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแม่วงก์

ผมซื้อน้ำดื่มขึ้นไปด้วยจากจุดนี้ รวม 100 บาท เพราะด้านบนที่เราจะกางเต็นท์ คือ “ลานกางเต็นท์ขุนน้ำเย็น” จะไม่มีอะไรขาย นอกจาก “ลานกางเต็นท์ช่องเย็น” ซึ่งเราทราบว่าตอนนี้เต็มแล้ว จึงทำให้เราต้องเปลี่ยนจุดหมายมายังลานกางเต็นท์ “ขุนน้ำเย็น” แทน

ในระหว่างทางขึ้นไปยังลานกาเต็นท์ขุนน้ำเย็น เราผ่านจุดชมวิวแรกคือ “กิ่วกระทิง” ทำให้รถมอเตอร์ไซค์คันที่นำหน้าเลี้ยวเข้าไปยังลานจอดเพื่อแวะชมวิว ผมก่ขับตามเข้าไป โดยสายตาผมก็หันไปมองยังวิวทิวเขาสลับซับซ้อนอย่างสวยงามอย่างไม่ทันระวัง หันมาอีกทีคันข้าหน้าก็เบรกจอด ทำให้ผมเบรคไม่ทันจึงหักหน้ารถเลี้ยวออกด้านขวาเพื่อให้พ้น แต่แฮนด์ด้านซ้ายมือก็ไปปะทะกับกล่องท้ายรถคันหน้าทำให้รถมอเตอร์ไซค์ผมเซถลาเอียงไปทางด้านขวามือ ผมพยายามประคองแต่ไม่ไหวเนื่องจากรถบวกกับสัมภาระที่แบบกมาหนักมากจนทำให้ผมทิ้งลงลงไปนอนตะแคงพร้อมกับโดดตัวหนีออกมาจากรถในท่ายื่น

อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

ทุกคนหันมามองดูเป็นตาเดียวกัน พร้อมเสียงหัวเราะ ตัวผมไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดจึงรีบไปประคองรถขึ้นมากับน้องที่ขับขี่ตามหลังมาอีกคัน

เมื่อเอารถตั้งขึ้นมาสำรวจก็พบว่าไม่ได้รับความเสียหายใดๆ นอกจากรอยถลอกที่ แคชบาร์กันล้ม กับการ์ดท่อกันล้ม เป็นรอยเท่านั้นเอง นอกนั้นชุดสีอื่นๆของตัวรถก็ไม่มีอะไรเสียหายแม้แต่น้อย

เมื่อถ่ายภาพชมวิวกันเสร็จแล้วเราก็ขับขี่ต่อไปจนมาถึงจุดชมวิว “โมโกจูน้อย” เป็นเนินสูงขึ้นไปประมาณสักสามเมตร และมีหินก้อนเล็กๆ อยู่บนเนิน ทุกคนต่างพยายามปีนขึ้นไปเพื่อถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ก่อนที่จะเดินทางไปยังลานกางเต็นท์เพื่อพักแรม ก่อนที่ฝนจะตกลงมา

จุดชมวิวโมโกจูน้อย

เมื่อเราเดินทางมาถึงลานกางเต็นท์ ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาเป็นละออกเล็กๆ ทำให้เราต้องรีบกางทาร์ป กางเต็นท์ กันแบบเร่งรีบ เพื่อให้เสร็จก่อนที่ฝนเม็ดใหญ่ๆ จะตกลงมา

หลังจากกางทาร์ป กางเต็นท์เสร็จแล้ว เราก็เข้ามานั่งรวมตัวกันในทาร์ป ในขณะที่ฝนก็เริ่มตกหนักและแรงขึ้น พร้อมทั้งลมกรรโชกแรง

ลานกางเต็นท์ขุนน้ำเย็น

พวกเราทำอาหารทานกัน โดยเตรียมหมูยอพร้อมกับน้ำยำและผัก เมนูยำหมูยอที่ทำง่ายๆ เสร็จอย่างรวดเร็วพร้อมให้พวกเราได้รับประทานอาหารมื้อกลางวันกลางสายฝน

เรานั่งคุยกันไปจนถึงเย็น ฝนก็เริ่มซาลงไป จึงขับรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปยังลานกางเต็นท์ “ขุนน้ำเย็น” ซึ่งมีระยะทางโดยประมาณเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

การขับขี่ขึ้นไปยังลานกางเต็นท์ “ช่องเย็น” ครั้งนี้ต้องระมัดระวัง เนื่องจากฝนที่พึ่งหยุดลงไป ถนนเปียกน้ำฝนและเป็นโค้งลัดเลาะไหล่เขา ดีที่ถนนเป็นถนนแบบลาดยางมะตอยทำให้เราขับขี่ได้แบบสบายๆ โดยใช้ความเร็วพอประมาณ สักครู่เดียวก็ถึงลานกางเต็นท์ “ช่องเย็น”

“ช่องเย็น” มันก็เย็นสมชื่อ ลงพัดแรงหอบเอาความเย็นของไอฝนชุ่มฉ่ำประทะหน้าตลอดเวลา ตรงบริเวณลานกางเต็นท์ เต็มไปด้วยเต็นท์ของนักท่องเที่ยวมากมาย วิวด้านหน้าเป็นแนวเอียงของเทือกเขาสองด้าน จนเป็นช่องให้ลมผ่านมาตรงๆ นี่เองคงเป็นที่มาของชื่อ “ช่องเย็น”

ผมเข้าไปเก็บภาพและวีดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือที่ติดตัวตลอดเวลา แต่บนนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เครื่อข่ายไหนทั้งสิ้น โทรศัพท์มือถือเป็นได้แค่กล้องบันทึกภาพและบันทึกวีดีโอเท่านั้น

ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด ผมก็ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับลงไปยังลานกางเต็นท์ “ขุนน้ำเย็น” เราขับลงไปกันสองคัน ในระหว่างทางลมพัดแรงอยู่ตลอดเวลา เสียงลมปะทะยอดไม้ดังหวีดหวิวกลบเสียงรถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคัน ในระหว่างที่เรากำลังขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ลัดเลาะไปตามแนวเขา ซึ่งด้านซ้ายมือเป็นหุบเหวลึก และด้านขวามือเป็นผนังหินตั้งขึ้นริมถนนทอดตัวขึ้นไปเป็นแนวเขาสูงชันพร้อมต้นไม้ที่ขึ้นแข่งกันตั้งตรงเป็นทิวแถวไหวเอนตามแรงลมที่กระทบยอดไม้

ทันไดนั้นเสียงไม้ก็ลั่นเปรี๊ยๆๆๆ ดังสะนั่นป่า ทำให้รถมอเตอร์ไซค์คันที่อยู่ข้างหน้าผม ทั้งคนขับและคนซ้อนต้องชลอความเร็วรถและหันมามองผมด้วยความเป็นห่วง คิดว่ารถผมเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ใช่ปัญหาของรถ สิ่งที่ทุกคนเห็นในขณะนั้นคือ ต้นไม้ขนาดลำต้นกว้างสัก 1ฟุต กำลังทอดตัวล้มเอนลงมา และทิ้งตัวผาดลงไปบนถนนเฉียวท้ายรถมอเตอร์ไซค์ผมเพียงนิดเดียว ผมได้แต่ตกใจและหันไปมอง ก่อนที่จะเร่งเครื่องห่างออกไป เพราะกลัวว่าอาจจะมีต้นอื่นๆ ล้มตามลงมาด้วย

ลานกางเต็นท์ ช่องเย็น

เราขับรถมาถึงที่ลานกางเต็นท์อย่างตื่นเต้น และทานอาหารเย็น ในระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่เดินมาตรวจตรา จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ไปว่าพบไม้ลมขวางถนนในระหว่างเดินทางกลับจาก “ช่องเย็น” ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ขึ้นไปดูเพื่อที่จะขึ้นไปทำการตัดต้นไม้ที่ลมขวางถนนออก

ในช่วงกลางคืน ฝนก็ยังคงตกโปรยปรายลงมาต่อเนื่อง พร้อมกับเสียงลมที่พัดดังจนน่ากลัว เสียงลมพัดดังกระทบยอดไม้และแนวเขาจนทำให้เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลยด้วยซ้ำ

ผมเข้าไปนอนอยู่ในเต็นท์นอนขนาด 1P ซึ่งวันนี้พวกเราทุกคนไม่มีใครอาบน้ำ อย่างดีก็ได้แต่แปรงฟันที่ห้องน้ำของอุทยาน และกลับมาเข้านอนยังเต็นท์ของใครของมัน

ผมนอนฟังเสียงลมพัดจนเคลิมหลับไป สักพักก็ได้ยินเสียงสายฝนตกลงมาจนสะดุ้งตื่น แล้วก็หลับต่อจนมาช่วง ตีสามครึ่ง เสียงทุกอย่างก็เงียบสนิด ไม่ได้ยินเสียงลม ไม่ได้ยินเสียงฝน ทุกอย่างในธรรมชาติเงียบสนิดวังเวงจนน่ากลัว

ลานกางเต็นท์ ช่องเย็น

แต่สิ่งที่ทำให้ความวังเวงหายไปจากลานกางเต็นท์ นั่นคือเสียงกรนของน้องที่อยู่เต็นท์ใกล้ๆ ดังขึ้นมาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ก็ทำให้ผมรู้สึกสบายใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีเสียงที่ทำให้เราไม่รู้สึกวังเวงกลางป่าเขา

ตอนตีห้าเสียงลมพัดแรงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมรีบลุกแล้วปล่อยลมหมอน และที่นอนก่อนที่จะพับใส่กระเป๋า แล้วจัดการทยอยเก็บเต็นท์ เนื่องจากตรวจสอบแล้วว่า ฟลายซีทของเต็นท์ไม่มีการเปียกน้ำฝนใดๆ น่าจะแห้งเนื่องจากลมพัดแรงในตอนเช้านี้เอง ในระหว่างที่เก็บเต็นท์ลงในกระเป๋ากันน้ำ ละอองฝนน้อยๆ ก็ค่อยๆ เริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้ง

นี่พวกเราจะต้องเก็บของกลางสายฝน เหมือนตอนมาถึงหรือไงกันนี่ พอเราเก็บเต็นท์เก็บทุกอย่างเสร็จ ฝนก็หยุด เราจึงต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทานกันในช่วงเช้า พร้อมไข่ลวกคนละ 1ฟอง

เสร็จสรรพเราก็ขับขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปช่องเย็น และได้ผ่านกับต้นไม้ที่หักโค่นล้มลงเมื่อตอนเย็น แต่ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตัดส่วนที่กีดขวางถนนออกไปเรียบร้อยแล้ว

ลานกางเต็นท์ขุนน้ำเย็น

บนลานกางเต็นท์ช่องเย็นในยามเช้านี้ บอกได้เลยว่าสวยมาก หมอกขาวโพลนและเย็นสบาย แบบนี้นี่เองที่ทำให้ใครหลายต่อหลายคน ตั้งหน้าตั้งตาจองลานกางเต็นท์ “ช่องเย็น” หากใครจะจองมากางเต็นท์ที่นี่คงต้องเลือกช่วงที่ไม่ใช่วันหยุด เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ น่าจะมีโอกาสได้กางเต็นท์ที่ลาน “ช่องเย็น” แห่งนี้ได้โดยง่าย

หลังจากพวกเราถ่ายภาพชมบรรยากาศกันเป็นที่พอใจแล้ว ก็ขับรถลงเขาเพื่อเดินทางกลับบ้านกัน ในระหว่างทางนี้ ฝนก็ตกโปรยปรายมาเป็นระยะๆ เล็กน้อย และพวกเราก็ยังคงแวะจุดชมวิว “โมโกจูน้อย” และ “กิ่วกระทิง” ก่อนที่พวกเราจะมุ่งหน้ากลับบ้าน

รีวิว "ลานขุนน้ำเย็น" ลานการเต็นท์ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์

อัตราค่าบริการและการบริการอื่นๆ

  • ค่ากางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน
  • ค่าเข้าใช้บริการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์
    • ชาวไทย ผู้ใหญ่ ราคา 40 บาท เด็ก 20 บาท
    • ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ ราคา 200 เด็ก 100 บาท
    • รถจักรยานยนต์ ราคา 20 บาท
    • รถยนต์ คันละ 30 บาท
    • รถจักรยาน ฟรี
    • มีบริการเต็นท์ให้เช่า
  • สิ่งอำนวนความสะดวก
    • ห้องน้ำมี ทั้งห้องสุขา และห้องอาบน้ำ แบ่งแยกชายหญิง 
    • มีที่จอดรถกว้างขวาง
    • เจ้าหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อยตลอด รู้สึกปลอดภัย
    • โทรจอง หรือ Walk in เข้ามาได้เลย
    • มีถังขยะบริเวณลานจอดรถ
    • สามารถทำอาหารทานได้ ห้ามก่อกองไฟ ติดเตาถ่านปิ้งย่าง
  • อื่นๆ ทั่วไป
    • ลานพื้นหญ้าเขียวสวยงาม พื้นเรียบ บรรยากาศเย็นดี ลมแรงมาก
    • ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ทุกเครือข่าย
    • ไม่มีร้านค้าสวัสดิการ
    • ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าทุกชนิด
    • ห้ามนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาดื่ม
    • ห้ามถุงพลาสติกเข้ามาในอุทยาน
    • ห้ามส่งเสียงดัง เปิดเพลง รบกวนผู้อื่นหลัง 4 ทุ่ม
    • หลัง 4 ทุ่มอุทยาน ปิดไฟทุกดวง ยกเว้น ห้องน้ำ ต้องเตรียมไฟฉาย หากจำเป็นต้องไปเข้าห้องน้ำกลางคืน
  • กิจกรรมภายในอุทยาน
    • ทางเดินศึกษาธรรมชาติ
    • ทางเดินป่า
    • เที่ยวน้ำตก
    • ชมทิวทัศน์
    • ชมพรรณไม้
    • พักผ่อนบรรยากาศธรรมชาติ
    • ดูนก ดูผีเสื้อ ส่องสัตว์
    • ดูดาว
    • ถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ
  • สถานที่ติดต่อ : อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ กม.ที่ 65 อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร 62180 
    โทรศัพท์ :  0 5576 6027
                      โซนกำแพงเพชร 090 457 9291  (ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์) 
                      โซนนครสวรรค์    098 797 3197  (หน่วยฯ แม่เรวา)
    (สอบถามข้อมูลทั่วไปและการเปิดแหล่งท่องเที่ยวได้ที่หมายเลขนี้)
    อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. 
    Facebook : อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ Mae Wong National Park